ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) มีกี่แบบ
พร้อมขั้นตอนการลงทะเบียน


ในทุกวันนี้ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม จำนวนไม่น้อยทีเดียว ที่ต้องต่อสู้กับการบริหารจัดการเกี่ยวกับการออกเอกสารใบกำกับภาษี และกว่าจะทำการจัดส่งให้กรมสรรพากรก็ยุ่งยากไม่ใช่น้อย บางครั้งก็ทำเอกสารสูญหายไปยังไม่ทันได้ยื่นสรรพากรจนถึงขั้นต้องเสียค่าปรับเสียดอกเบี้ยอีก


แต่ปัญหานี้จะหมดไปเมื่อกรมสรรพากรมีการพัฒนาระบบบริการจัดทำและนำส่งข้อมูล ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ขึ้นตามโครงการระบบภาษีและเอกสารธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ภายใต้แผนโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ ซึ่งเป็นการจัดทำ ส่งมอบ และเก็บรักษา ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยการชำระเงินผ่านระบบ e-Payment โดยมีการเชื่อมโยงระบบการชำระภาษีเข้ากับระบบการชำระค่าสินค้าและบริการ เพื่อสร้างความสะดวก รวดเร็ว ป้องกันการสูญหายได้


โดยผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม สามาถขอลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ e-Tax Invoice
ได้ 2 แบบ คือ



1. ระบบ e-Tax Invoice & e-Receiptbr
2. ระบบ e-Tax Invoice by Email

ทั้งนี้ ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ทั้ง 2 ระบบ จะมีความแตกต่างกันตามขนาดธุรกิจของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
และผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม สามารถเลือกจดได้เพียงแบบใดแบบหนึ่งเท่านั้น


ดังนั้น ผู้ประกอบการสามารถเลือกให้เหมาะกับขนาดธุรกิจของตนเองได้ เช่น หากเป็นธุรกิจที่มีขนาดใหญ่มีเอกสารเป็นจำนวนมาก แนะนำให้เลือกใช้แบบ e-Tax Invoice & e-Receipt แต่ถ้าธุรกิจมีขนาดเล็ก มีเอกสารไม่มาก แนะนำให้เลือกแบบ e-Tax Invoice by Email จะดีกว่า ซึ่งข้อดีของใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ จะช่วยลดปัญหาการจัดการข้อมูลหรือเอกสาร ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการจัดส่งเอกสารได้อีกด้วย ทั้งนี้หากผู้ประกอบการยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับการทำใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์นักบัญชีที่มีความเชี่ยวชาญก็สามารถแนะนำวิธีการทำพร้อมให้คำปรึกษาได้เช่นกัน